น้ำคังเก้นกับโรคมะเร็ง
ความรู้ในทางการแพทย์พบว่า เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
มีผลงานวิจัยมากมายสนับสนุนว่าเซลล์มะเร็งไม่อาจเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง น้ำคังเก้นนั้น มีความเป็นด่าง มีกลุ่มโมเลกุลเล็กกว่าน้ำธรรมดา รวมถึงมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูง
ดังนั้น น้ำคังเก้นจึงออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งจาก 3 เหตุผลดังนี้
1. น้ำคังเก้น มีกลุ่มโมเลกุลเล็ก
มีออกซิเจนละลายอยู่ในปริมาณสูง ออกซิเจนปริมาณสูงในน้ำด่างให้ผลยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็งและในหลายกรณีมีผลให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
2. น้ำคังเก้นมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
มีผลลดความเสื่อมของเซลล์
3. เซลล์มะเร็งไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง
และไม่อาจเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง ตัวอย่างผลงานวิจัยที่สนับสนุนว่าน้ำด่างช่วยต้านเซลล์มะเร็ง ดร.อ็อตโต วอร์เบิร์ก (Dr. Otto Warburge) ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาในปี พ.ศ. 2474
เป็นผู้ค้นพบสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งว่าร้อยละ 99 เกิดจากการที่ร่างกายมีสภาวะเป็นกรด มากกว่าสภาวะปกติถึง 1,000 เท่า
และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภาวะขาดออกซิเจน เซลล์ปกติจะมีค่า pH อยู่ที่ 7.35 เมื่อเซลล์มะเร็งมีค่า pH สูงกว่า 7.5 จะฝ่อตาย
และหากสูง ถึง 8 จะตายทันที จากการวัดค่า pH น้ำลายของผู้ป่วยโรคมะเร็ง พบว่ามีค่า พีเอช ต่ำกว่า 4.5
ดร. ฮิโรมิ ชินย่า (Dr. Hiromi Shinya) ในปี พ.ศ. 2511 ได้ใช้น้ำคังเกน (Kangen Water) ที่ผลิตจากเครื่อง รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในลำไส้ และตรวจสอบโดยกล้องส่องลำไส้พบว่าสามารถรักษามะเร็งได้ ในปี พ.ศ. 2547 มีการนำเสนอการใช้น้ำคังเก้น (Kangen Water) ในการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง ที่มหาวิทยาลัยคิวชู (Kyushu Institute of Technology)จังหวัดฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
ผลลัพท์จากผู้ป่วยมะเร็ง
บิล พาวเวอร์ หนึ่งใน ผู้รอดชีวิตจาก มะเร็ง ระยะที่ 4 เค้ารอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร ไปติดตามกันเร็ว รายละเอียด
อ่านหนังสือ Killing Cancer-not people แปลไทย ได้แล้วที่นี่
รายละเอียด เครื่องคังเก้น รุ่นต่าง ๆ (คลิ๊กเลย)